เมื่อพูดถึงอนุภาคมูลฐานที่แฝงตัวอยู่ในจักรวาลอย่างลึกลับและตรวจจับได้ยากที่สุด “Neutrino (นิวทริโน)” คือหนึ่งในผู้เล่นหลักที่นักฟิสิกส์ทั่วโลกยังคงพยายามทำความเข้าใจ แม้ว่า Neutrino จะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของสสาร แต่การปรากฏตัวของมันกลับเงียบเชียบราวกับผี และแทบไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลยในการเดินทางผ่านจักรวาล
บทความนี้เป็นภาคต่อจากหัวข้อ Super-Kamiokande — เครื่องตรวจจับอนุภาคมหึมาใต้ภูเขาในญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อค้นหา Neutrino โดยเฉพาะ ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักเจ้า Neutrino ให้ลึกยิ่งขึ้น เพื่อเข้าใจว่ามันคืออะไร มาจากไหน ทำไมถึงสำคัญ และกำลังเปลี่ยนความเข้าใจของมนุษย์เกี่ยวกับจักรวาลอย่างไร
Neutrino เป็นหนึ่งในอนุภาคมูลฐานตามแบบจำลองมาตรฐานของฟิสิกส์อนุภาค (Standard Model) มันไม่มีประจุไฟฟ้า มีมวลน้อยมาก และสามารถทะลุผ่านสสารเกือบทั้งหมดได้โดยไม่ถูกหยุดยั้ง กล่าวกันว่าในทุกวินาทีมี Neutrino นับล้านล้านตัวเดินทางผ่านร่างกายของเราโดยที่เราไม่รู้สึกอะไรเลย
คำว่า “Neutrino” มาจากภาษาอิตาเลียน แปลว่า “นิวตรอนตัวเล็ก” ถูกตั้งชื่อโดยนักฟิสิกส์ชื่อ Enrico Fermi ในช่วงทศวรรษ 1930 หลังจากที่ Wolfgang Pauli เสนอแนวคิดการมีอยู่ของอนุภาคนี้เพื่ออธิบายการหายไปของพลังงานบางส่วนในกระบวนการสลายตัวแบบเบตา (Beta Decay)
Neutrino มีทั้งหมด 3 “รสชาติ” หรือที่เรียกว่า Flavors ได้แก่:
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ Neutrino สามารถเปลี่ยนรสชาติได้ระหว่างการเดินทาง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Neutrino Oscillation ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า Neutrino ต้องมีมวล แม้จะน้อยมากก็ตาม และนี่คือสิ่งที่ทำให้แบบจำลองมาตรฐานเดิมเริ่มสั่นคลอน
Neutrino เกิดขึ้นจากกระบวนการนิวเคลียร์หลากหลายประเภท ทั้งในธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น:
เรียกได้ว่า Neutrino เป็นเหมือนลายเซ็นที่บ่งบอกถึงกระบวนการพื้นฐานในจักรวาลจำนวนมาก ซึ่งมนุษย์สามารถใช้ในการศึกษาโครงสร้างและวิวัฒนาการของเอกภพ
แม้ Neutrino จะเดินทางผ่านทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยแทบไม่ปฏิสัมพันธ์กับสสาร แต่ก็ใช่ว่าจะตรวจจับไม่ได้เสียทีเดียว นักฟิสิกส์สร้างเครื่องตรวจจับขนาดมหึมาเพื่อตรวจหาแสงวาบ (Cherenkov Radiation) ที่เกิดขึ้นเมื่อ Neutrino ชนกับอะตอมในน้ำหรือสารอื่น ๆ
หนึ่งในโครงการตรวจจับที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Super-Kamiokande ซึ่งตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินในญี่ปุ่น โดยใช้แทงก์น้ำบริสุทธิ์ขนาดกว่า 50,000 ตันและเซนเซอร์ไวแสงนับพันตัว
Super-Kamiokande เป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้มนุษย์ตรวจพบปรากฏการณ์ Neutrino Oscillation อย่างชัดเจนในช่วงปี 1998 ซึ่งนำไปสู่การได้รับรางวัลโนเบลฟิสิกส์ในปี 2015 โดย Takaaki Kajita นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ
นอกจากนี้ Super-Kamiokande ยังสามารถตรวจจับ Neutrino จากการระเบิดของดาว (เช่น ซุปเปอร์โนวา SN1987A) ได้ด้วย ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่ากระบวนการภายในดาวสามารถปลดปล่อยพลังงานมหาศาลในรูปของ Neutrino
แม้ Neutrino จะไม่ใช่ผู้มีอำนาจทางแม่เหล็กไฟฟ้าเหมือนอิเล็กตรอน หรือผู้รับแรงนิวเคลียร์เข้มเหมือนควาร์ก แต่บทบาทของมันในจักรวาลกลับสำคัญเกินคาด:
แม้จะมีการค้นพบมากมายเกี่ยวกับ Neutrino แต่คำถามที่ยังไม่มีคำตอบก็ยังคงมีอยู่ เช่น:
โครงการทดลองใหม่ ๆ อย่างเช่น Hyper-Kamiokande, DUNE, และ JUNO กำลังดำเนินการเพื่อค้นหาคำตอบเหล่านี้
Neutrino คือหนึ่งในกุญแจสำคัญที่อาจเปิดประตูไปสู่ฟิสิกส์ยุคใหม่ และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับจักรวาล ตั้งแต่กระบวนการภายในดวงอาทิตย์ การกำเนิดของจักรวาล จนถึงอนาคตของทฤษฎีฟิสิกส์พื้นฐาน
การศึกษานิวทริโนจึงไม่ใช่แค่การสำรวจสิ่งเล็กจิ๋วในระดับอนุภาค แต่คือการมองไปยังความลึกของเอกภพ ที่ซ่อนความจริงอันยิ่งใหญ่ไว้ในความเงียบเชียบ
เมื่อใดก็ตามที่คุณมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ลองจินตนาการดูว่ามี Neutrino หลายพันล้านตัวเดินทางผ่านคุณอยู่ — บางตัวอาจมาจากดวงอาทิตย์ บางตัวอาจเดินทางข้ามกาแล็กซีเพื่อมาถึงที่นี่… และนักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงเดินหน้าค้นหาความหมายของมันอย่างไม่หยุดยั้ง
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: