ในโลกยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเติบโตแบบทวีคูณ หน่วยความจำกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ รถยนต์อัจฉริยะ หรือแม้แต่เซ็นเซอร์ในระบบ IoT ปัจจุบัน Solid State Drive (SSD) คือเทคโนโลยีเก็บข้อมูลหลักที่ใช้งานกันแพร่หลาย แต่ด้วยข้อจำกัดด้านความเร็ว อายุการใช้งาน และพลังงาน จึงเกิดการแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำรุ่นใหม่ขึ้นมาหลายแบบ โดยเฉพาะสองตัวเต็งที่น่าจับตามองอย่าง MRAM (Magnetoresistive Random Access Memory) และ ReRAM (Resistive Random Access Memory)
MRAM หรือ Magnetoresistive RAM เป็นหน่วยความจำที่ใช้หลักการของแม่เหล็กในการเก็บข้อมูล แทนที่จะอาศัยประจุไฟฟ้าแบบใน DRAM หรือ Flash หน่วยความจำ MRAM เก็บข้อมูลด้วยการเปลี่ยนแปลงทิศทางของสนามแม่เหล็กในโครงสร้างที่เรียกว่า Magnetic Tunnel Junction (MTJ)
MTJ ประกอบด้วยชั้นแม่เหล็กสองชั้นคือ ชั้นที่มีทิศทางคงที่ (Fixed Layer) และชั้นที่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้ (Free Layer) โดยมีฉนวนบางๆ คั่นกลาง ถ้าทิศทางของทั้งสองชั้นตรงกัน จะมีความต้านทานต่ำ (อ่านเป็น 1) ถ้าทิศทางสวนทางกัน จะมีความต้านทานสูง (อ่านเป็น 0) ทำให้สามารถเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลได้
ReRAM หรือ Resistive RAM เป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลโดยการเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานของวัสดุฉนวนเมื่อมีแรงดันไฟฟ้า เหมือนกับ MRAM มันเป็นหน่วยความจำแบบไม่ลบเลือน (non-volatile) ที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเพื่อคงข้อมูลไว้
โครงสร้างของ ReRAM ประกอบด้วยโลหะสองชั้น (Electrode) และวัสดุฉนวนตรงกลาง เมื่อใช้แรงดันไฟฟ้า ความต้านทานของฉนวนจะเปลี่ยนสถานะระหว่าง High Resistance (HRS) กับ Low Resistance (LRS) ซึ่งสามารถแปลความเป็นข้อมูล 0 และ 1 ได้
1. Non-volatile: ข้อมูลไม่หายแม้ไฟดับ
2. ทนทานสูง: สามารถเขียนข้อมูลซ้ำได้หลายล้านถึงพันล้านครั้ง เหนือกว่า Flash
3. ความเร็วสูง: เขียน-อ่านเร็วกว่า Flash และใกล้เคียงกับ DRAM
4. พลังงานต่ำ: ไม่ต้องจ่ายพลังงานตลอดเวลาเพื่อคงข้อมูล
5. ต้านทานรังสี: เหมาะกับงานในอวกาศหรือสภาพแวดล้อมรุนแรง
1. ต้นทุนสูง: ยังมีราคาสูงต่อบิตเมื่อเทียบกับ Flash
2. ความหนาแน่นต่ำกว่า: โครงสร้าง MTJ ต้องใช้พื้นที่มากกว่าเซลล์หน่วยความจำแบบ NAND
3. ต้องควบคุมแม่เหล็กแม่นยำ: มีความซับซ้อนทางวิศวกรรม
1. Non-volatile: เก็บข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานต่อเนื่อง
2. ขนาดเล็กมาก: สามารถผลิตความหนาแน่นสูง เหมาะกับอุปกรณ์พกพา
3. พลังงานต่ำ: เขียน-อ่านข้อมูลใช้พลังงานน้อย
4. ความเร็วสูง: เร็วกว่า NAND Flash หลายเท่า และใกล้เคียง DRAM
5. โครงสร้างเรียบง่าย: ผลิตง่ายกว่า MRAM
1. ความทนทานต่ำกว่า MRAM: อายุการใช้งานของบางวัสดุอาจไม่สูงมาก
2. ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา: มีการทดสอบใช้งานในบางอุปกรณ์ แต่ยังไม่แพร่หลาย
3. ความสม่ำเสมอของเซลล์: อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติในระดับนาโน ทำให้ควบคุมได้ยาก
SSD ในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้ NAND Flash ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความเร็ว ความทนทาน และพลังงาน แม้จะมีความหนาแน่นสูงและต้นทุนต่ำ แต่นั่นก็แลกมาด้วยอายุการใช้งานที่จำกัด (ประมาณ 1,000-100,000 รอบการเขียน)
เมื่อเทียบกับ MRAM และ ReRAM แล้ว ทั้งสองเทคโนโลยีมีคุณสมบัติที่สามารถเข้ามาแทนที่ SSD ได้ในอนาคต...