Digimania    13 August 2025

รีวิว ChatGPT-5: เพื่อนคู่ใจสาย AI ที่โคตรฉลาด แต่ก็ยังชวนคุยได้เหมือนเพื่อน

GPT-5

            สวัสดีเพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การลองเล่นเจ้า ChatGPT-5 ที่หลายคนรอคอยกันมานาน บอกเลยว่าตั้งแต่รุ่นก่อนๆ อย่าง GPT-3, GPT-4 ก็ว่าเจ๋งแล้ว แต่รอบนี้เหมือนอัพเกรดสมอง AI ให้ฉลาดขึ้นเป็นกอง แถมยังรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสไตล์คนคุยมากขึ้นอีกต่างหาก


ChatGPT-5 คืออะไร?

            สำหรับคนที่อาจจะเพิ่งเข้าวงการ AI หรือยังงงๆ ว่า GPT คืออะไร ง่ายๆ เลย GPT ย่อมาจาก Generative Pre-trained Transformer เป็นโมเดลภาษาที่ OpenAI พัฒนาเอาไว้ให้สามารถเข้าใจและสร้างข้อความตอบกลับได้แบบ “เหมือนคนพิมพ์”

            เจ้า GPT-5 ก็คือเวอร์ชันล่าสุดที่ปรับปรุงจากรุ่นก่อนๆ ให้ฉลาดขึ้น เข้าใจบริบทได้ลึกขึ้น และสามารถจัดการกับข้อมูลที่ซับซ้อนได้ดีกว่าเดิมเยอะ

แล้วทำไมต้องตื่นเต้นกับ GPT-5?

            เพราะรอบนี้มันไม่ได้แค่ “รู้เยอะ” แต่ยัง “คิดเป็น” มากขึ้น เหมือนมีเพื่อนเก่งๆ ที่ไม่ได้ตอบแบบท่องจำ แต่สามารถเชื่อมโยงข้อมูล วิเคราะห์ และเล่าออกมาให้เข้าใจง่ายได้ทันที


สิ่งที่ GPT-5 ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อน

1. ความเข้าใจภาษาแบบธรรมชาติ

            GPT-5 เข้าใจภาษาคนได้ดีกว่า GPT-4 เยอะมาก โดยเฉพาะการคุยแบบบ้านๆ หรือภาษาผสม เช่น “ไทยปนอังกฤษ” ก็เข้าใจได้ ไม่ต้องคอยแก้ประโยคให้เป๊ะๆ

2. จำบริบทได้นานขึ้น

            รุ่นก่อนบางทีคุยกันยาวๆ ก็เริ่มลืมว่าตอนต้นคุยอะไรไว้ แต่ GPT-5 เหมือนมีความจำที่ยาวขึ้น คุยกันหลายชั่วโมงก็ยังโยงเรื่องเดิมได้

3. เก่งด้านการอธิบาย

            ถามอะไรไป มันจะไม่ตอบแบบแห้งๆ แต่จะเล่าให้เข้าใจง่าย มีตัวอย่างประกอบ บางทีแถมมุกตลกเล็กๆ ให้ด้วย ทำให้คุยแล้วไม่เครียด

4. ใช้งานหลายด้านพร้อมกัน

            จากที่ลอง ผมสามารถให้มันช่วยเขียนโค้ด วางแผนทริป ทบทวนความรู้ และคุยเล่นได้พร้อมๆ กัน โดยไม่หลุดโฟกัส

5. คอนเทนต์คุณภาพสูง

            เวลาสั่งให้เขียนบทความ บทสรุป หรือทำคอนเทนต์ GPT-5 จะสร้างเนื้อหาที่ดูสมบูรณ์ขึ้น ไม่ค่อยมีประโยคซ้ำซ้อนเหมือนรุ่นก่อนๆ



ประสบการณ์การใช้งานจริง

            ผมเริ่มจากการให้ GPT-5 เขียนบทความลงบล็อก สไตล์ชิลๆ ผลลัพธ์คือมันสามารถเข้าใจโทนการเขียนของผม แล้วเขียนต่อได้ราวกับคนเดียวกัน

            ต่อมาลองให้ช่วยเขียนโค้ดเว็บ Next.js + Supabase บอกเลยว่ามันเข้าใจโจทย์ไวมาก แถมยังแก้โค้ดให้ถูกต้องตามที่ผมอธิบายแบบไม่เป็นทางการ

            นอกจากนี้ยังลองให้ช่วยวางแผนท่องเที่ยวญี่ปุ่น มันก็สามารถจัดตารางให้ครบทั้งสถานที่ ร้านอาหาร และเวลาเดินทาง เรียกว่าจัดเต็มเหมือนมีไกด์ส่วนตัว

ข้อดีของ ChatGPT-5

  •       เข้าใจภาษาได้ลึกและยืดหยุ่นขึ้น
  •       จำบริบทการสนทนาได้ยาวกว่าเดิม
  •       ตอบเร็วและแม่นยำ
  •       สามารถใช้ในหลายงานพร้อมกัน
  •       โทนการตอบเป็นธรรมชาติและเป็นมิตร

ข้อสังเกตหรือข้อจำกัด

      แม้ GPT-5 จะเทพขึ้นเยอะ แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ต้องระวัง

  •       บางข้อมูลที่ต้องการความแม่นสูง เช่น ข่าวล่าสุด หรือข้อมูลเฉพาะทาง ควรตรวจสอบอีกครั้ง
  •       ถ้าใช้ภาษาหยาบคายเกินไป บางครั้งมันจะเลี่ยงไม่ตอบ
  •       การประมวลผลภาพหรือวิดีโอ ยังต้องพึ่งระบบอื่นช่วย (แต่ก็พัฒนาเร็วมาก)

ไอเดียการใช้ GPT-5 ให้คุ้ม

  1.       ทำคอนเทนต์ – ไม่ว่าจะเขียนบทความ รีวิว หรือโพสต์โซเชียล มันช่วยร่างเนื้อหาให้ได้เร็วมาก
  2.       ช่วยเขียนโค้ด – แก้บั๊กหรืออธิบายโค้ดให้ง่ายขึ้น
  3.       เรียนภาษา – ฝึกคุยเป็นภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น หรือภาษาอื่นๆ
  4.       วางแผนชีวิต – จัดตารางงาน วางแผนท่องเที่ยว หรือแม้แต่แนะนำการออกกำลังกาย
  5.       เป็นเพื่อนคุย – เวลาเหงาๆ ก็สามารถคุยเล่นได้

สรุป

            ถ้าให้เปรียบ GPT-5 กับรุ่นก่อนๆ ก็เหมือนจากการมี “ครูเก่งๆ” กลายเป็น “เพื่อนเก่งๆ ที่เข้าใจเรา” ซึ่งทำให้การใช้งานสนุกและมีประสิทธิภาพขึ้นมาก

            ใครที่ยังไม่เคยลอง บอกเลยว่าควรสักครั้ง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน นักเขียน โปรแกรมเมอร์ หรือคนทำคอนเทนต์ GPT-5 จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

            และนี่ก็คือรีวิวสไตล์ชิลๆ ของผม หวังว่าจะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ว่าจะลองเล่น ChatGPT-5 หรือไม่


ปล. ระวังติดคุยเพลินนะ เพราะมันคุยเก่งจริงๆ