ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังผลักดันขีดจำกัดของหน่วยความจำให้เล็กลง เร็วขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น Skyrmion ได้กลายเป็นหนึ่งในแนวคิดที่น่าจับตามองที่สุดในสาขาฟิสิกส์ของสถานะควบแน่นและนาโนเทคโนโลยี Skyrmion ไม่ใช่อนุภาคธรรมดา หากแต่เป็นโครงสร้างควาซิ-อนุภาค (quasiparticle) ที่เกิดจากการจัดเรียงของสปินแม่เหล็กภายในวัสดุแม่เหล็กบางประเภท
Skyrmion เป็นโครงสร้างทางแม่เหล็กระดับนาโนที่มีลักษณะการจัดเรียงของสปิน (spin) แบบหมุนวนจากศูนย์กลางออกไป โดยมักมีลักษณะเป็นเกลียวหรือวงแหวน สปินบริเวณใจกลางจะชี้ขึ้นหรือลง ส่วนสปินรอบนอกจะหมุนไปรอบ ๆ แบบนุ่มนวล ทำให้เกิดโครงสร้างที่มีลักษณะคล้าย “พายุหมุน” ทางแม่เหล็ก
แนวคิด Skyrmion เกิดขึ้นครั้งแรกจากงานของนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษชื่อ Tony Skyrme ในปี ค.ศ. 1962 โดยเดิมทีเขาศึกษา Skyrmion ในบริบทของฟิสิกส์นิวเคลียร์ ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ในวัสดุแม่เหล็กที่มีโครงสร้างพิเศษ จนกระทั่งค้นพบ Skyrmion จริงในระบบแม่เหล็กระดับนาโน
Skyrmion เกิดขึ้นได้ในวัสดุที่มีการโต้ตอบของแรงแม่เหล็กชนิดพิเศษ ได้แก่:
เมื่อปฏิสัมพันธ์เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกับสนามแม่เหล็กภายนอกหรือกระแสไฟฟ้าบางชนิด จะทำให้เกิดการจัดเรียงของสปินในลักษณะ Skyrmion โดยไม่ต้องมีโดเมนวอลล์ชัดเจนเหมือนแม่เหล็กทั่วไป
Skyrmion มีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายประการซึ่งทำให้มันเหมาะสำหรับเทคโนโลยีสมัยใหม่:
ในแนวคิดนี้ Skyrmion ถูกใช้แทนข้อมูลแบบบิต 1 และ 0 โดย Skyrmion จะวิ่งตามเส้นทางแม่เหล็ก (nanotrack) และสามารถอ่านเขียนได้ด้วยสนามแม่เหล็กหรือกระแสสปิน ซึ่งใช้พลังงานต่ำกว่า DRAM หรือ SSD ปัจจุบันมาก ทั้งยังสามารถทำให้มีความหนาแน่นของข้อมูลสูงมากขึ้นอีกด้วย
สามารถนำ Skyrmion มาใช้สร้างวงจรลอจิกพื้นฐาน (เช่น AND, OR, NOT gate) ได้ในระดับนาโน ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ของการประมวลผลที่แตกต่างจากสถาปัตยกรรมซิลิคอนแบบดั้งเดิม
Skyrmion สามารถใช้จำลองพฤติกรรมของเซลล์ประสาทได้ เช่น การตอบสนองแบบ spike หรือการเชื่อมโยงข้อมูล ทำให้เหมาะสมกับการสร้าง “สมองเทียม” หรืออุปกรณ์ประมวลผลเชิงชีวภาพ
แม้ยังอยู่ในขั้นวิจัย แต่มีความเป็นไปได้ว่า Skyrmion อาจถูกนำไปใช้เป็น qubit ในระบบควอนตัม โดยอาศัยคุณสมบัติทอพอโลยีและการควบคุมสถานะสปินได้อย่างแม่นยำ
แม้ Skyrmion จะมีคุณสมบัติน่าสนใจ แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายด้านที่ต้องแก้ไข เช่น:
นักวิจัยทั่วโลกกำลังพัฒนา Skyrmion ให้สามารถใช้งานได้ในสภาวะอุณหภูมิห้องและควบคุมได้แม่นยำขึ้น บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM, Intel, Samsung ต่างเริ่มให้ความสนใจเทคโนโลยีนี้ เพราะสามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์หน่วยความจำรุ่นใหม่ ที่มีทั้งความเร็ว ความจุ และความประหยัดพลังงานสูง
Skyrmion เป็นนวัตกรรมทางฟิสิกส์ที่มีศักยภาพในการพลิกโฉมวงการหน่วยความจำและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต ด้วยขนาดที่เล็ก เสถียรภาพสูง และการควบคุมที่ง่ายผ่านกระแสไฟฟ้า เทคโนโลยีนี้จึงเป็นความหวังใหม่ในการสร้างหน่วยความจำความเร็วสูงและประหยัดพลังงาน ซึ่งอาจเป็นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ยุคถัดไป
หากสามารถแก้ไขข้อจำกัดที่ยังมีอยู่ในปัจจุบันได้ Skyrmion อาจกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบประมวลผลในอนาคต ทั้งในด้านการจัดเก็บข้อมูล การคำนวณเชิงตรรกะ ไปจนถึงการจำลองพฤติกรรมสมองมนุษย์